ศาสตราจารย์แพทย์หญิง ชุติมา ศิริกุลชยานนท์
วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
โรคอ้วนกำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขในศตวรรษที่ 21 ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมทั้งประเทศไทย องค์การอนามัยโลกได้บรรจุปัญหาโรคอ้วนเป็นวาระแห่งโลกที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน เนื่องจากปัญหาที่ตามมาของ โรคอ้วนคือ โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ ฯลฯ ขณะเดียวกันเด็กที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ขาดสารอาหารจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติ ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ เจ็บป่วยบ่อย ล้วนส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในอนาคต
การดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวนับเป็นภารกิจที่สำคัญที่ทุกคนพึงให้ความสนใจและเอาใจใส่ แต่บางครั้งด้วยข้อจำกัดของเวลาและความรู้ ทำให้สาระสำคัญนี้ถูกละเลยโดยไม่ตั้งใจ ในปัจจุบันเด็กมักได้รับการเลี้ยงดูแบบตามใจโดยเฉพาะด้านอาหาร พบว่าภาวะโภชนาการทั้งขาดและเกินนับเป็นปัญหาสำคัญในเด็กวัยเรียน ในฐานะของกุมารแพทย์และนักวิชาการสาธารณสุข และด้วยปณิธานที่ตั้งไว้ในการจะทำประโยชน์ให้กับสังคม ประโยชน์ของส่วนรวมย่อมมาก่อนประโยชน์ส่วนตน ความทุ่มเททั้งสติปัญญาแรงกายแรงใจ ก่อเกิด “โครงการเด็กไทยดูดี มีพลานามัย” เพื่อสร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิตให้กับนักเรียน ซึ่งจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป ให้เป็นเด็กไทยดูดี มีพลานามัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต
แนวทางการแก้ไขปัญหาโภชนาการทั้งขาดและเกิน เพื่อทำให้เด็กทุกคนดูดี มีพลานามัย จึงต้องบูรณาการทั้งที่ตัวเด็ก ครอบครัว โรงเรียน และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน อาศัยหลักชุมชนมีส่วนร่วม โดยทั้งครู ผู้ปกครอง นักเรียน ร่วมคิดร่วมทำ การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ความสัมฤทธิ์ผลจึงจะเกิดความยั่งยืน และลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศชาติ ได้ริเริ่มโครงการเด็กไทยดูดี มีพลานามัย ตั้งแต่ปี 2547 และได้นำโครงการเด็กไทยดูดี มีพลานามัย เป็นกิจกรรมหนึ่งในการ เฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวโรกาสมหามงคลที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 72 พรรษา
ขอขอบคุณครู ผู้ปกครอง นักเรียนทุกคน ที่มีส่วนร่วมในโครงการ ทีมงานวิจัยที่สละแรงกาย แรงใจในการทำงาน วิทยากรรับเชิญในการอบรมของโครงการฯ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคมฯ อธิการวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ สสส. ที่ให้ทุนสนับสนุนให้เกิดโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง
เด็ก วัยเรียนเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตทั้งด้านร่างกายและสมอง จึงต้องการสารอาหารและพลังงานเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต เด็กวัยนี้ควรได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายโดยได้รับ อาหารครบทั้ง 5 หมู่ วันละ 3 มื้อ ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ (สารอาหารและความปลอดภัย) หากเด็กได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จะทำให้การเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสมองไม่ได้เต็มศักยภาพ ในทางตรงข้ามการบริโภคอาหารที่มากเกินไปของเด็กจะนำไปสู่ภาวะโภชนาการเกิน และโรคอ้วน ข้อมูลจาก ปี 2549 ในโรงเรียนเอกชน 4 แห่ง พบว่า เด็กที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มีอัตราร้อยละ 1-2 อัตราโรคอ้วนโรงเรียนชายร้อยละ 24 โรงเรียนหญิงร้อยละ 7-10 ปัจจัยที่มีอิทธิพล คือ พฤติกรรมการบริโภคอาหารมื้อหลักและอาหารจานด่วนที่มีไขมันสูง ผักผลไม้น้อย อาหารว่าง (ขนมหวานและขนมกรุบกรอบ) เครื่องดื่มรสหวาน น้ำอัดลม รวมทั้งขาดกิจกรรมการออกกำลังกาย ผู้บริหารทุกโรงเรียนมีนโยบายด้านการสร้างเสริมสุขภาพ แต่ยังไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาโภชนาการอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพแบบบูรณาการในการให้เด็กไทยดูดี มีพลานามัย โดยให้เด็กมีวินัย มีการเรียนรู้ด้านอาหารและโภชนาการ รู้จักกิน ฉลาดซื้อ รู้คุณค่าของเงิน และรักการออกกำลังกาย